การประชุม กสท. ครั้งที่ 1/2560 วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2560 นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ได้ขอเปิดเผยความเห็นในการพิจารณาวาระ 4.4 การอนุมัติผังรายการหลัก ประจำปี 2560 ของสถานีวิทยุกระจายเสียง จำนวน 4 หน่วยงาน เพื่อบันทึกไว้ในรายงานการประชุม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
“ดิฉันขอเปิดเผยความเห็นในการพิจารณาวาระนี้ โดยยืนยันความเห็นตามบันทึก ที่ สทช 1003.9/197 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2559 บันทึกที่ สทช 1003.9/202 ลงวันที่ 23 ธันวาคม 2559 และบันทึกที่ สทช 1003.9/001 ลงวันที่ 5 มกราคม 2560 กรณีการอนุมัติผังรายการหลัก ประจำปี 2560 ของสถานีวิทยุกระจายเสียง เนื่องจากเห็นว่าการให้ความเห็นชอบผังรายการหลัก ประจำปี 2560 ของสถานีวิทยุกระจายเสียงจำนวน 4 หน่วยงาน รวม 25 คลื่นความถี่ ทั้งในระบบ เอ.เอ็ม และ เอฟ.เอ็ม. ในครั้งนี้ อันประกอบด้วย สถานีวิทยุกระจายเสียงทหารเรือ จำนวน 15 สถานี 21 คลื่นความถี่ สถานีวิทยุกระจายเสียงกรมเจ้าท่า เอฟ.เอ็ม 107.5 MHz สถานีวิทยุกระจายเสียงสำนักพระราชวัง เอฟ.เอ็ม 104 MHz และ เอ.เอ็ม. 1332 kHz และสถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เอฟ.เอ็ม 102.25 MHz นั้น ถือเป็นส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประกอบกิจการกระจายเสียงตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการเรียกคืนคลื่นความถี่ ตลอดจนได้รับความคุ้มครองให้ประกอบกิจการกระจายเสียงต่อไปอีก 5 ปี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่ 76/2559 เรื่อง มาตรการส่งเสริมการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเพื่อประโยชน์สาธารณะ ลงวันที่ 20 ธันวาคม 2559
อนึ่ง ตามที่ดิฉันได้มีบันทึกที่ สทช 1003.9/001 ลงวันที่ 5 มกราคม 2560 และบันทึก ที่ สทช 1003.9/007 ลงวันที่ 11 มกราคม 2560 ดังนั้นจึงเห็นควรให้สำนักงาน กสทช. เร่งรัดการเปิดเผยข้อมูลและผลการตรวจสอบเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายของการอนุญาต สัมปทาน หรือสัญญาให้สาธารณชนทราบ ตามมาตรา 82 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 รวมทั้งเหตุแห่งความจำเป็นในการถือครองคลื่นความถี่ตามที่ได้รับแจ้งภายใต้บทบัญญัติเดียวกัน พร้อมทั้ง รายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลความจำเป็นการใช้คลื่นความถี่และกำหนดระยะเวลาการถือครองคลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ซึ่งที่ประชุม กสท. ครั้งที่ 36/2559 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2559 และที่ประชุม กสทช. ครั้งที่ 11/2559 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2559 ได้มีมติให้ความเห็นชอบ เผยแพร่ต่อสาธารณชนตามที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งกำกับดูแลตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติที่ 76/2559 ที่ประสงค์จะส่งเสริมอุตสาหกรรมกิจการวิทยุกระจายเสียงให้เกิดประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยสอดคล้องกับมาตรการกำกับดูแลการประกอบกิจการตามกฎหมาย อาทิ การกำกับให้กรมประชาสัมพันธ์ ปฏิบัติตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียง และกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ซึ่งกำหนดให้ต้องดำเนินการตามมาตรา 20 มาตรา 35 มาตรา 36 และมาตรา 38 ของพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน กล่าวคือ กรมประชาสัมพันธ์จะหารายได้จากการโฆษณาไม่ได้ เว้นแต่เป็นการหารายได้โดยการโฆษณาหรือเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับงานหรือกิจการของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ สมาคม มูลนิธิฯ ตลอดจนกำกับให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประกอบกิจการกระจายเสียงตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงฯ พ.ศ. 2551 ปฏิบัติตามมาตรา 24 กล่าวคือ ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดทำรายงานสถานะทางการเงินโดยแสดงรายรับ และรายจ่ายที่ถูกต้องตามความเป็นจริงเสนอต่อคณะกรรมการ ตามที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐที่ประกอบกิจการกระจายเสียงมีสถานะเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามความในมาตรา 83 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 โดยให้ กสทช. กำกับดูแลให้ผู้ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่หรือใช้คลื่นความถี่นั้นปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ กฎหมายอื่นและตามหลักเกณฑ์ที่ กสทช. กำหนด ทั้งนี้ จนกว่าจะถึงกำหนดที่ต้องคืนคลื่นความถี่ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.”