31 ก.ค. 59
Back from HatYai-Songkhla, and now prep for Broadcast Panel’s meeting tmr on a controversial agenda as sub-Com on Content proposes to legally sanction SpringNews & VoiceTV again for violating Article37 of Broadcasting Act & NCPO order. I don’t see how it could be wrong for debating an intellectual opinion on TV while people could still debate it on the Internet. Censorship will weaken TV industries & Thai audiences. What’s the point of allocating lots of spectrum for 7 digitalTV channels. It should have been a rainbow of ideas for people’s choices not just more of the same news & ideas. I will vote NO if a majority decision says its guilty. Wait & see. More to come.
กลับมาจากงานเวทีผู้บริโภคแล้ว เป็นงาน สร้างเครือข่ายตรวจสอบร้องเรียนปัญหาโฆษณาและลงพื้นที่ฟังผลการรับทีวีดิจิตอล ขอบคุณสำนัก บส. สำนักงานเขต/ภาค วันนี้มีหารือเรื่องงานและเตรียมประชุมบอร์ด กสท. พรุ่งนี้เช้า วาระไม่เยอะมาก แต่มีเรื่องร้อนคืออนุด้านเนื้อหาชงลงโทษ 2 ช่องข่าว ฟรีทีวีดิจิตอลคือช่อง @SpringNews_TV รายการ Facetime และช่อง @Voice_TV รายการ @ Tonight Thailand ที่เป็นรายการที่มีคนนิยมของช่องสองช่องข่าวดังกล่าว การเซ็นเซอร์ รายการข่าว/วิเคราะห์ข่าว/สนทนา ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมของช่องข่าวหนักข้อมากขึ้น ยิ่งทำให้สถานการณ์ “ทีวีดิจิตอล” ย่ำแย่ลง ส่วนตัวยังไม่เห็นว่าเนื้อหาดังกล่าวผิดกฎหมายความสงบเรียบร้อยอย่างไร ถ้าเราขยายขอบเขตการพูด วิจารณ์ ถกเถียงออกไปเรื่อยๆ จะเหลือแต่ข่าวดารา
ประเด็นดีเบตดังกล่าวที่ออกอากาศทางทีวี มีการแสดงความคิดเห็น ถกเถียงกันอย่างกว้างขวางในสื่อออนไลน์ การปิดกั้นในทีวี ยิ่งทำให้คนดูทีวีน้อยลง สื่อโทรทัศน์ ไม่ได้มีแค่มีเพลง เกม ละคร แต่ควรมีรายการเนื้อหาสาระ เปิดมุมมองให้สังคม ยิ่งในยุค HD ทำไมต้องบังคับให้มีเนื้อหาแบบยุคทีวีขาวดำ ยิ่งถ้าเป็นการถกเถียงแบบปัญญาชน ใช้เหตุผลและข้อเท็จจริง จะช่วยทำให้สื่อโทรทัศน์ดูมีคุณค่าต่อสังคมมากขึ้น ไม่ใช่เป็นแค่กล่องบันเทิงเริงรมย์ กสทช.ทำให้เกิดทีวีดิจิตอลขึ้นมาในระบบใบอนุญาต เรามีแผนแม่บทฯร่วมกันว่า ต้องการสร้างทางเลือกให้สังคมมากขึ้น เราถึงออกแบบให้มีถึง 7 ช่องข่าว การห้ามสื่อโทรทัศน์ (ช่องข่าว) ถกเถียงเรื่องที่สังคมดีเบตกันในสื่อออนไลน์ ยิ่งจะทำให้อนาคตทีวีดิจิตอลดับมืดลงเร็วขึ้น โดยอำนาจของ กสทช.เอง อยากให้ กสท./กสทช. และ สำนักงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง กลับมาถามตัวเองเบาๆว่า เรากำหนดให้มีช่องข่าวสารสาระถึง 7 ช่องทำไม ถ้าให้เขานำเสนอสาระไม่ได้
“การออกแบบให้มีช่องข่าวถึง 7 ช่องคือเหมือนให้สังคมไทยมีโทรทัศน์แบบสายรุ้งแห่งความคิด เปิดมุมมองที่แตกต่างหลากหลายให้คนดูได้รับชมครบทุกมุม”
ถ้าช่องข่าวทั้ง 7 ช่อง (เหลือ6) ไม่สามารถมีเอกลักษณ์ หรือ รายการข่าวสารสาระที่เป็นเรือธงให้คนเลือกได้ เราจะจัดสรรคลื่นความถี่ให้เปลืองทำไม การเซ็นเซอร์ตนเองของสื่อโทรทัศน์ ทุกวันนี้ ก็ถือว่าหนักเอาการอยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการเมือง แต่ขยายมาเรื่องปัญหาสังคม วัฒนธรรม เพราะกลัว สุดท้ายทีวีดิจิตอลทุกช่อง ก็ต้องยอมเซ็นเซอร์ตนเองไม่นำเสนอข่าวสารสาระที่เสี่ยง จำต้องยอม กสทช. เพราะกลัวโดนปิดสถานี ทั้งที่ประมูลมาสูงลิ่ว ดิฉันยอมรับข้อวิจารณ์ของสังคมที่ว่า มีทีวีเพิ่มหลายช่องแต่ข่าวสารสาระน้อยลงทุกวัน เพราะส่วนหนึ่งมาจากการควบคุมความคิดสื่อ โดย กสทช.เอง
รายการดีเบตถกเถียงทางความคิดอย่างสร้างสรรค์แบบปัญญาชน คือสิ่งที่ขาดหายไปจากจอโทรทัศน์ของประเทศไทยในยุคดิจิตอล HD เพราะต้องแบนตนเอง/ถูกลงโทษ ความย้อนแย้งคือข่าวที่น่าจะขัด กม.เช่นการปล่อยภาพปืนจ่อศีรษะยาวนาน ยังไม่มีบทสรุป แต่การถกเถียงทางความคิดมิติการเมือง/วัฒนธรรมถูกลงโทษฉับพลัน เรากำลังสร้างบรรทัดฐานว่าถ้าสื่อตอกย้ำภาพความรุนแรง ละเมิดสิทธิคนเล็กคนน้อยจะไม่เป็นไร แต่ถ้าตั้งคำถามกับอำนาจ/สังคมวัฒนธรรม จะผิดกฎหมาย กรณีช่อง @SpringNews_TV ดิฉันกลับเห็นว่าถ้าจะผิดมาตรา37ควรเป็นเคสถ่ายทอดสดคนพยายามฆ่าตัวตาย มากกว่ารายการ Facetime ถกเรื่องนิสิตจุฬาฯดังกล่าว มาถึงจุดนี้ ถ้า คสช.จะใช้มาตรา 44 คืนเงินค่าประมูลคลื่นหรือชะลอการจ่ายค่าคลื่น ก็คงเข้าใจได้ เพราะรัฐไปจำกัดเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารสาระมาก
ช่องวาไรตี้บันเทิง จึงได้เปรียบช่องข่าวสารสาระไปหลายช่วงตัว เพราะในยุคสายลมแสงแดด ช่องข่าวต้องปิดกั้นตนเอง แต่ช่องบันเทิงยิ่งเติบโต ที่ย้อนแย้งยิ่งกว่าคือ ช่องทีวีสู้ยิบตาว่าตนไม่ผิดกรณีถ่ายทอดสดคนพยายามฆ่าตัวตาย แต่มักต้องยอมรับผิดโดยสงบเรียบร้อยในเรื่องการเมือง/อำนาจ เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ช่องวาไรตี้บันเทิงคงไม่เดือดร้อนมาก แต่เห็นใจช่องข่าวสารสาระที่เรตติ้งภาพรวมก็ตามหลังอยู่แล้ว จนบางช่องต้องมาถ่ายทอดมวย กีฬา ละคร เกมโชว์ เพลง คงเป็นทางออกของทีวีดิจิตอลยุคนี้ เพราะรายการแบบ “มองต่างมุม” “ขอคิดด้วยคน” แบบในยุคแอนะล็อก กลับไม่มีในยุคดิจิตอล
อย่าถามว่าเสียใจไหม ตอบเลยว่ามาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว นอกจากพยายามส่งเสียง ให้กับผู้ร้าวราน ทั้งในห้องประชุมและในโลกกว้างแต่ทางเดินแคบ
โลกยิ่งกว้าง ทางเดินยิ่งแคบ
ให้กำลังใจ แด่ผู้ร้าวรานทุกท่าน
ยังคงมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
ขอให้อดทนเดินจนไปถึงก็แล้วกัน
ขอยืมคำของท่าน Spock ณ StarTrek มาปลอบใจกันเอง
“We Will Find Hope in the Impossible”
งานเครียด มีแวบไปดูหนังมาบ้าง เรื่อง StarTrek ดูเอาเพลินคงไม่ต้องแนะนำ เพราะแฟนคลับคงตามดูอยู่แล้ว แต่ขอแนะนำเรื่อง “มหาสมุทรและสุสาน” แทนเพราะ ดีมาก
ภาพยนตร์ “มหาสมุทรและสุสาน” เป็นหนังอินดี้มือรางวัลนานาชาติ มีมุมเสียดสีการเมืองและสังคมไทย โดยฉากคือเหตุการณ์ที่สามจังหวัดชายแดนใต้ ท่านใดอยากดูหนังทางเลือกเสียดสีสังคมแบบนุ่มลึก โดยฝีมือผู้กำกับหญิงของไทย แนะนำไปสนับสนุนก่อนลาโรงค่ะ #มหาสมุทรและสุสาน #SF#CTW
พรุ่งนี้ก็รอลุ้นมติ กสท. ว่าจะออกมาอย่างไร แล้วดิฉันจะมาสรุปเพื่อทราบเช่นเดิม ส่วนเรื่อง #CTH ดิฉันตามเรื่องให้อยู่ต่อเนื่อง วันพุธนี้มีเวทีกับอนุผู้บริโภค นักกฎหมาย ผู้บริโภค และ ทนายความ ก่อนชงเรื่องเข้า กสท.อีกครั้ง
#CTH เป็นเคสสะสม ตอนนี้ก็ได้รวบเป็นเรื่องเดียว จะขอให้ฝ่ายกฎหมายของ สำนักงาน ช่วยวิเคราะห์และหาทางลงโทษผู้ประกอบการถ้าเอาเปรียบผู้บริโภคค่ะ รวมทั้งหารือกับทีมทนายเพื่อช่วยผู้บริโภคฟ้องร้องคดีการชดเชยเยียวยาต่อไป เพื่อทวงสิทธิ์ความเป็นธรรม ชวนสมาชิก CTH มาร่วมประชุมได้พุธนี้ค่ะ
อ่านจับตาวาระสำคัญได้ที่ www.supinya.com เช่นเดิมค่ะ