กสทช. เผยสั่งระงับโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายสถานีวิทยุหลัก หลังเครือข่ายผู้บริโภคส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามา
วันนี้ (๕ พ.ย. ๕๗ ) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ร่วมกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ๑๐ จังหวัด นำเสนอผลการเฝ้าระวังสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางคลื่นวิทยุในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายน ๒๕๕๗ ชี้ชัด แม้ว่าจะอยู่ในช่วงการห้ามออกอากาศโดย คสช. แต่การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพยังคงพบโฆษณาสุขภาพผิดกม. โอ้อวดเกินจริง ๒๙ สถานีทั่วประเทศ จากการสุ่มสำรวจ ๓๓ สถานี กสทช. ลั่นสั่งระงับโฆษณาทันที หากฝ่าฝืนปรับวันละ ๒๐,๐๐๐ บาท
นางสาวสุภิญญา กลางณรงค์ ด้านคุ้มครองผู้บริโภคและสิทธิเสรีภาพประชาชน กล่าวในการแถลงข่าว โฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมายในยุค คสช. ว่า กสทช. ร่วมมือกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค ๑๐ จังหวัด เพื่อสร้างนักร้องเรียนให้ช่วยติดตามตรวจสอบการเผยแพร่ออกอากาศทั้งวิทยุและโทรทัศน์หลังจากที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา ซึ่งเป็นช่วงที่ คสช. ระงับการออกอากาศสถานีวิทยุทดลองประกอบกิจการ แต่จากการเฝ้าระวังกลับพบการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิด กม.ในสถานีวิทยุหลักทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด A.M. และ F.M. สำนักงาน กสทช. ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบและพบว่าผิดกฎหมายจริง ๔ สถานีในจังหวัดขอนแก่น ได้แก่ สถานีวิทยุทหารอากาศ ๐๒๐ สถานีวิทยุ สวพ.ขอนแก่น สถานีวิทยุเบสท์เรดิโอ และสถานีวิทยุสุขภาพดีมีสุข สำนักงาน กสทช. จะส่งหนังสือให้ระงับโฆษณาดังกล่าวหากฝ่าฝืนจะปรับวันละ ๒๐,๐๐๐ บาท และกระทำผิดซ้ำจะส่งผลต่อการพิจารณาต่อใบอนุญาต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีวิทยุทดลองประกอบกิจการที่ได้สิทธิออกอากาศแล้วขณะนี้ ๒,๐๐๐ กว่าแห่ง ขอให้ระมัดระวังในการนำเสนอเนื้อหา หากกระทำผิดการโฆษณาอาหารและยาจะส่งผลต่อการพักใช้ใบอนุญาตได้
“ขณะนี้ทราบว่าเครือข่ายผู้บริโภคกำลังติดตามเฝ้าระวังการนำเสนอเนื้อหาในสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมและเคเบิ้ลทีวี หลังจากที่ได้รับอนุญาตออกอากาศแล้วว่ามีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิด กม. และจะส่งข้อมูลเพื่อให้สำนักงาน กสทช. ด้วยในครั้งถัดไป” นางสาวสุภิญญากล่าว
นายพชร แกล้วกล้า ผู้รับผิดชอบโครงการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ กล่าวว่า มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและเครือข่ายผู้บริโภค 10 จังหวัดได้แก่ กรุงเทพฯ กาญจนบุรี เพชรบุรี ขอนแก่น ร้อยเอ็ด พะเยา ลำปาง สุราษฏร์ธานี สงขลา และสตูล ได้ร่วมกับ กสทช. ในการดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ โดยมีระยะเวลาดำเนินการ ๑ ปีตั้งแต่ มิถุนายน ๒๕๕๗ ถึง พฤษภาคม ๒๕๕๘ ภายใต้สามยุทธศาสตร์หลักคือการสร้างเครือข่ายผู้บริโภคในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ การสร้างความร่วมมือกับผู้ประกอบการและภาคีอื่น ๆ ในการจัดการปัญหาและการสร้างความตื่นตัวให้กับผู้บริโภค เท่าทันสื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ
นายพชร กล่าวต่อว่า การแถลงข่าวในวันนี้เป็นการนำเสนอผลการเฝ้าระวังโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อวิทยุซึ่งได้มีการเฝ้าระวังในช่วงที่ คสช. เข้ามาควบคุมการกระจายเสียงคือระหว่างเดือน มิถุนายน ถึง กันยายน ๒๕๕๗ ว่า ได้มีการเฝ้าระวังการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ อาหาร ยา และเครื่องสำอางในช่วงเวลาดังกล่าวจำนวน ๓ ครั้ง ๆ ละ ๑ สัปดาห์ ทางสื่อวิทยุจำนวน ๓๓ คลื่นใน ๑๐ จังหวัด แบ่งเป็นคลื่นหลัก จำนวน ๓๑ คลื่น และคลื่นวิทยุออนไลน์จำนวน ๒ คลื่น ซึ่งใน ๓๑ คลื่น เป็นคลื่น FM ๒๗ คลื่น และ คลื่น AM ๔ คลื่น ทั้งนี้ พบว่า ๒๙ คลื่น (ร้อยละ ๘๘) มีการโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดกฎหมาย โดย พบผลิตภัณฑ์ทั้งสิ้นจำนวน ๑๐๓ รายการ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจำนวน ๕๔ รายการ ผลิตภัณฑ์ยา ๓๕ รายการ และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ๑๓ รายการ และโฆษณาสถานพยาบาลจำนวน ๑ รายการ
น.ส.สิรินนา เพชรรัตน์ ผู้ประสานงานศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดสุราษฏร์ธานี กล่าวว่า หากแบ่งตามการกระจายตัวของการโฆษณา ๓ อันดับแรกของผลิตภัณฑ์อาหารนั้น จะได้แก่ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอายแคร์ซอฟท์เจล (๕ จังหวัด) กาแฟลิลลี่พลัส (๔ จังหวัด) และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเบญจไท, น้ำเห็ดสกัดมัชรูมพลัส, น้ำมันจมูกข้าวผสมน้ำมันรำข้าวตรายูนิไรซ์, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารรีราล่า, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวีเอ็มพลัส, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลูทีนพลัส และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนัตโตะทู (๓ จังหวัด) ซึ่งโดยสรุปรวมนั้น ทั้ง ๕๔ รายการของผลิตภัณฑ์อาหารที่พบสามารถจัดกลุ่มตามลักษณะของการโฆษณาได้เป็น ๓ กลุ่มคือ กลุ่มบำรุงร่างกาย-รักษาโรคเฉพาะ-รักษาสารพัดโรคซึ่งมีจำนวน ๓๕ รายการ กลุ่มเสริมความงามจำนวน ๑๕ รายการ กลุ่มเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ๔ รายการ ทางด้านผลิตภัณฑ์ยาเมื่อจัดกลุ่มตามการกระจายตัวของจังหวัดที่พบ ๓ อันดับแรกนั้นจะได้แก่ วีกิ๊ฟ สมุนไพรชนิดน้ำและแคปซูลผสมว่านรากสามสิบ กับ กาโน ๕๐๐ (๖ จังหวัด), ป๊อก ๑๐๙ กับ ยาน้ำสตรีฟลอร่าพลัส (๕ จังหวัด), และยาระบายมะขามแขกตราลิลลี่ กับ ทวิน ยาสมุนไพรเขากวางอ่อน (๔ จังหวัด) โดยที่ทั้ง ๓๕ รายการของยาที่พบนี้ สามารถแบ่งกลุ่มตามเนื้อหาการโฆษณาได้เป็น ๔ กลุ่มคือ กลุ่มยาอันตรายที่ห้ามโฆษณา จำนวน ๓ รายการ กลุ่มยาที่โฆษณาเรื่องเกี่ยวกับสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงความสวย-ความงาม จำนวน ๑๐ รายการ กลุ่มโฆษณารักษาครอบจักรวาล จำนวน ๗ รายการ และ กลุ่มยาที่มีการโฆษณาลด แลก แจก แถม และชิงโชค เพื่อการขาย และส่งเสริมให้มีการใช้ยาเกินความจำเป็น จำนวน ๑๕ รายการ
ด้านนายนิรัตน์ เตียสุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาระบบการคุ้มครองผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เตือนว่าผู้บริโภคอย่าหลงเชื่อโฆษณาที่โอ้อวดเกินจริง และขณะนี้การทำงานร่วมระหว่าง อย. กับ สนง. กสทช. มีความก้าวหน้าไปมาก และทำให้การพิจารณารวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และค่าปรับของ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม มากกว่า พ.ร.บ.ยา หลายเท่า ทำให้การทำงานเรื่องนี้มีประสิทธิภาพดีขึ้นเป็นลำดับ…